วัน อังคาร ที่ 25 เดือนกันยายน พ.ศ. 2555
ความรู้ที่ได้รับ
- อาจารย์ให้นักศึกษาเขียนความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้ Tabled ในเด็กประถมว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไร และการใช้ Tabled ในเด็กปฐมวัยมีข้อดีข้อเสียอย่างไร
หลังจากที่ทุกคนได้แสดงความคิดเห็นแล้ว อาจารย์ก็ได้อธิบายเกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียเกี่ยวกับการใช้ Tabled ใหเนักศึกษาเข้าใจว่าในฐานะที่เราจะต้องออกไปเป็นครูในอนาคต เราจะต้องมีความรู้เรื่องเทคโนโลยีบ้าง และจะต้องก้าวให้ทุนโลก
- อาจารย์แจกรายระเอียดในการทำ Blogger ว่าจะต้องมีอะไรบ้างที่เราจะสามารถเพิ่มเติมได้ และอะไรที่จำเป็นต้องมี เช่น
งานวิจัย
การเชื่อมโยงแหล่งเรียนรู้
ควรมีอะไรที่แปลกใหม่ เป็นต้น
- อาจารย์ได้แจกรายระเอียดการให้คะแนนในรายวิชานี้ และแนะนำการหาความรู้เพิ่มเติม
แฟ้มสะสมผลงาน รายวิชาการจัดประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2555
วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555
บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 17
วัน อังคาร ที่ 18 เดือน กันยายน พ.ศ. 2555
ความรู้ที่ได้รับ
มีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ ที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ในเวลา 14 : 00 น. - 16 : 00 น.
โดยกลุ่มข้าพเจ้าได้รับโจทย์คือ " ของเล่นแม่เหล็ก " จึงจัดทำเป็นฐานชื่อ แม่เหล็กมหัศจรรย์
อุปกรณ์
การทำกิจกรรม
ผลงานเด็ก
ความรู้ที่ได้รับ
มีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ ที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ในเวลา 14 : 00 น. - 16 : 00 น.
โดยกลุ่มข้าพเจ้าได้รับโจทย์คือ " ของเล่นแม่เหล็ก " จึงจัดทำเป็นฐานชื่อ แม่เหล็กมหัศจรรย์
ชื่อฐาน
อุปกรณ์
การทำกิจกรรม
วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2555
บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 16
วัน อังคาร ที่ 11 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2555
ความรู้ที่ได้รับ
- มีการส่งกิจกรรมที่จะทำไปจัดที่โรงเรียนอนุบาลสาธิตราชภัฎจันทรเกษมต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว
- อาจารย์ชี้แจงการไปทำกิจกรรมว่าจะต้องจัดเตรียมอะไรบ้าง
- การจัดสถานที่
- การซื้ออุปกรณ์
- การจัดทำป้ายชื่อของเด็กอนุบาล
- ในการเข้าฐานใช้เวลา 10 - 15 นาที
- อาจารย์พูดถึงสิ่งที่ต้องมีใน Blogger ว่าจะต้องมีอะไรบ้าง
- ดูโทรทัศน์ครู
- สมาชิกต้องครบ
- มีลิงค์แห่งข้อมูลใหม่ๆ
- ข้อมูลการเข้าเรียน
- ถ่ายรูปกิจกรรม
- ลงขั้นตอนการทำกิจกรรมต่างๆ
ความรู้ที่ได้รับ
- มีการส่งกิจกรรมที่จะทำไปจัดที่โรงเรียนอนุบาลสาธิตราชภัฎจันทรเกษมต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว
- อาจารย์ชี้แจงการไปทำกิจกรรมว่าจะต้องจัดเตรียมอะไรบ้าง
- การจัดสถานที่
- การซื้ออุปกรณ์
- การจัดทำป้ายชื่อของเด็กอนุบาล
- ในการเข้าฐานใช้เวลา 10 - 15 นาที
- อาจารย์พูดถึงสิ่งที่ต้องมีใน Blogger ว่าจะต้องมีอะไรบ้าง
- ดูโทรทัศน์ครู
- สมาชิกต้องครบ
- มีลิงค์แห่งข้อมูลใหม่ๆ
- ข้อมูลการเข้าเรียน
- ถ่ายรูปกิจกรรม
- ลงขั้นตอนการทำกิจกรรมต่างๆ
บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 15
วัน อังคาร ที่ 4 เดือน กันยายน พ.ศ. 2555
ความรู้ที่ได้รับ
- มีการส่งงานที่สั่ง การทดลองวิทยาศาสตร์
- อธิบายเรื่องการจัดบอร์ด
- ส่งบอร์ดที่ทำ
- เขียนแผนการจัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ที่โรงเรียนอนุบาลสาธิตราชภัฎจันทรเกษม
ความรู้ที่ได้รับ
- มีการส่งงานที่สั่ง การทดลองวิทยาศาสตร์
- อธิบายเรื่องการจัดบอร์ด
- ส่งบอร์ดที่ทำ
- เขียนแผนการจัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ที่โรงเรียนอนุบาลสาธิตราชภัฎจันทรเกษม
บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 14
วัน อังคาร ที่ 28 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2555
ความรู้ที่ได้รับ
( อาจารย์ให้จัดทำบอร์ดโดยทำเป็นกลุ่มๆ ละ 3 คน ) โดยการนำความรู้ที่ได้จากวันที่เข้าอบรมมาทำเสนอผ่านชิ้นงาน
ผลงานการจัดบอร์ด
ความรู้ที่ได้รับ
( อาจารย์ให้จัดทำบอร์ดโดยทำเป็นกลุ่มๆ ละ 3 คน ) โดยการนำความรู้ที่ได้จากวันที่เข้าอบรมมาทำเสนอผ่านชิ้นงาน
ผลงานการจัดบอร์ด
บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 13
วัน อาทิตย์ ที่ 26 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2555
ความรู้ที่ได้รับ
เข้าร่วมการอมรมการจัดทำบอร์ด ในวันนี้มีการทำดอกพุทธรักษา ( อยู่แค่ช่วงเช้า )
ภาพการปฏิบัติกิจกรรม การทำดอกพุทธรักษา
ผลงานมีทำเสร็จแล้ว
ความรู้ที่ได้รับ
เข้าร่วมการอมรมการจัดทำบอร์ด ในวันนี้มีการทำดอกพุทธรักษา ( อยู่แค่ช่วงเช้า )
ภาพการปฏิบัติกิจกรรม การทำดอกพุทธรักษา
ผลงานมีทำเสร็จแล้ว
บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 12
วัน เสาร์ ที่ 25 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2555
ความรู้ที่ได้รับ
มีการเข้าอบรมเกี่ยวกับการจัดทำบอร์ด การทำดอกไม้ติดบอร์ด การจัดวางองค์ประกอบของดอกไม้ว่าควรมีการไล่ละดับของดอกไม้ ใบไม้ควรมีหลายรูปแบบเพื่อให้เกิดเป็นภาพหลายมิติ
ขอขอบคุณท่านวิทยากรที่มาให้ความรู้กับพวกเรา
ภาพขณะร่วมกิจกรรมการประดิษฐิ์ดอกไม้
ความรู้ที่ได้รับ
มีการเข้าอบรมเกี่ยวกับการจัดทำบอร์ด การทำดอกไม้ติดบอร์ด การจัดวางองค์ประกอบของดอกไม้ว่าควรมีการไล่ละดับของดอกไม้ ใบไม้ควรมีหลายรูปแบบเพื่อให้เกิดเป็นภาพหลายมิติ
ขอขอบคุณท่านวิทยากรที่มาให้ความรู้กับพวกเรา
ภาพขณะร่วมกิจกรรมการประดิษฐิ์ดอกไม้
วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2555
บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 11
วัน อังคาร ที่ 21 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2555
ความรู้ที่ได้รับ
- มีการสรุปหน่วยการเรียนรู้จากหนังสือที่อาจารย์นำมาเป็น Mind Map
งานที่มอบหมาย
- อาจารย์ให้จับกลุ่ม 4 คน ทำการทดลองวิทยาศาสตร์มา 1 เรื่อง
ความรู้ที่ได้รับ
- มีการสรุปหน่วยการเรียนรู้จากหนังสือที่อาจารย์นำมาเป็น Mind Map
งานที่มอบหมาย
- อาจารย์ให้จับกลุ่ม 4 คน ทำการทดลองวิทยาศาสตร์มา 1 เรื่อง
บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 10
วัน อังคาร ที่ 14 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2555
ความรู้ที่ได้รับ
ไม่มีการเรียนการสอน
( อาจารย์มีการจัดการเรียนชดเชยในวัน อาทิตย์ ที่ 26 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2555 )
ความรู้ที่ได้รับ
ไม่มีการเรียนการสอน
( อาจารย์มีการจัดการเรียนชดเชยในวัน อาทิตย์ ที่ 26 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2555 )
บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 9
วัน อังคาร ที่ 7 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2555
ความรู้ที่ได้รับ
ไม่มีการเรียนการสอน
( อาจารย์ได้นัดชดเชยใน วัน เสาร์ ที่ 25 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2555 )
ความรู้ที่ได้รับ
ไม่มีการเรียนการสอน
( อาจารย์ได้นัดชดเชยใน วัน เสาร์ ที่ 25 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2555 )
บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 8
วัน อังคาร ที่ 31 เดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2555
ความรู้ที่ได้รับ
ไม่มีการเรียนการสอนเนื่องจากอยู่ในช่วงสอบกลางภาค
ความรู้ที่ได้รับ
ไม่มีการเรียนการสอนเนื่องจากอยู่ในช่วงสอบกลางภาค
บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 7
วัน อังคาร ที่ 24 เดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2555
ความรู้ที่ได้รับ
1. การไปทัศนศึกษา จะต้องรู้ว่าไปที่ไหน ไปแล้วได้อะไร
สถานที่ 1. ไบเทค บางนา งานวิทยาศาสตร์
2. ท้องฟ้าจำลอง
3. หุ่นขี้ผึ้ง
4. พิพิทธภัณฑ์เด็ก
5. พิพิทธภัณฑ์สัตว์น้ำบางแสน
ประโชยน์ 1. ประสบการณ์ตรง
2. เกิดความสนุกสนาน
3. ได้ความรู้
4. เกิดการใฝ่รู้________เกิดความสงสัย
L____ เกิดคำถาม
L____ เกิดความอยากรู้อยากเห็น
2. การออกแบบหน่วยการเรียนรู้
1. มีการตั้งคำถาม
2. จัดกิจกรรมโดยผ่านงานศิลปะ เช่น การวาดรูป
3. เล่าเรื่องจากภาพที่วาดต่อกันเป็นกลุ่มให้เป็นเรื่องราว ซึ่งการเล่าเรื่องเป็นวรรณกรรม แล้วสรุปโดยการตั้งชื่อ
3. อาจารย์ยกตัวอย่างเรื่อง " ช้าง "
1. .ให้เด็กๆ ช่วยกันตอบโดยใช้คำถาม " สิ่งที่เด็กๆ รู้เกี่ยวกับช้างมีอะไรบ้าง "
" เด็กๆ อยากรู้อะไรที่เกี่ยวกับช้างบ้าง "
2. ร้องเพลงเกี่ยวกับช้าง
** เมื่อเจอคำถามที่ตอบไม่ได้ สิ่งที่ครูควรทำคือ
- ถามผู้รู้ ( สัตวแพทย์ / ควานช้าง )
- จากอินเตอร์เน็ต
- อ่านหนังสือ
- ดูจาก VDO / รูปภาพ / สื่อการสอน
- สวนสัตว์
- บ้านช้าง
การสะท้อนกลับ ( เด็กต้องเป็นผู้ลงมือปฏิบัติ )
- แสดงบทบาทสมมุติ
- เกม
- นิทรรศการ
- แต่งเพลง / แต่งนิทาน / แต่งกลอน
งานที่ได้รับมอบหมาย
- เขียนแผนการสอนตามหน่วยการเรียนรู้ที่ได้รับผิดชอบ
- แบ่งกลุ่มๆ ละ 11 คน ทำฐานวิทยาศาสตร์
ความรู้ที่ได้รับ
1. การไปทัศนศึกษา จะต้องรู้ว่าไปที่ไหน ไปแล้วได้อะไร
สถานที่ 1. ไบเทค บางนา งานวิทยาศาสตร์
2. ท้องฟ้าจำลอง
3. หุ่นขี้ผึ้ง
4. พิพิทธภัณฑ์เด็ก
5. พิพิทธภัณฑ์สัตว์น้ำบางแสน
ประโชยน์ 1. ประสบการณ์ตรง
2. เกิดความสนุกสนาน
3. ได้ความรู้
4. เกิดการใฝ่รู้________เกิดความสงสัย
L____ เกิดคำถาม
L____ เกิดความอยากรู้อยากเห็น
2. การออกแบบหน่วยการเรียนรู้
1. มีการตั้งคำถาม
2. จัดกิจกรรมโดยผ่านงานศิลปะ เช่น การวาดรูป
3. เล่าเรื่องจากภาพที่วาดต่อกันเป็นกลุ่มให้เป็นเรื่องราว ซึ่งการเล่าเรื่องเป็นวรรณกรรม แล้วสรุปโดยการตั้งชื่อ
3. อาจารย์ยกตัวอย่างเรื่อง " ช้าง "
1. .ให้เด็กๆ ช่วยกันตอบโดยใช้คำถาม " สิ่งที่เด็กๆ รู้เกี่ยวกับช้างมีอะไรบ้าง "
" เด็กๆ อยากรู้อะไรที่เกี่ยวกับช้างบ้าง "
2. ร้องเพลงเกี่ยวกับช้าง
** เมื่อเจอคำถามที่ตอบไม่ได้ สิ่งที่ครูควรทำคือ
- ถามผู้รู้ ( สัตวแพทย์ / ควานช้าง )
- จากอินเตอร์เน็ต
- อ่านหนังสือ
- ดูจาก VDO / รูปภาพ / สื่อการสอน
- สวนสัตว์
- บ้านช้าง
การสะท้อนกลับ ( เด็กต้องเป็นผู้ลงมือปฏิบัติ )
- แสดงบทบาทสมมุติ
- เกม
- นิทรรศการ
- แต่งเพลง / แต่งนิทาน / แต่งกลอน
งานที่ได้รับมอบหมาย
- เขียนแผนการสอนตามหน่วยการเรียนรู้ที่ได้รับผิดชอบ
- แบ่งกลุ่มๆ ละ 11 คน ทำฐานวิทยาศาสตร์
วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 6
วัน อังคาร ที่ 17 เดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2555
ความรู้ที่ได้รับ
- มีการส่งงานที่ค้างสำหรับคนที่ยังไม่ส่ง
- ได้พูดถึงการเล่น ว่าการเล่นเป็นเครื่องมือทำให้เด็กเกิดการเรียนรู้
- การที่ทำของเล่นขึ้นมา แต่ละชิ้นเพื่อต้องการให้เด็กเรียนรู้เรื่องวิทยาศาสตร์
- การฝึกให้เด็กทำสิ่ง ต่างๆ เป็นการทำให้เด้กเรียนรู้การทำงานเป็นขั้นตอน ได้ปฏิบัติจริง
- เราจะต้องรู้ว่าสิ่งที่เราจะไปทำกับเด็กให้เด็กเล่นนั้น มันได้สะท้อนอะไรในความเป็นวิทยาศาสตร์
- มีการทบทวนเกี่ยวกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานว่ามีอะไรบ้าง
กิจกรรมในห้องเรียน
ให้ทุกคนในห้องแบ่งกลุ่ม ตามหน่วยที่ตัวเองได้รับ และช่วยกันทำ Mind Map ว่าเราจะสอนเรื่องอะไรในแต่ละช่วงชั้น อนุบาล 1 อนุบาล 2 และอนุบาล 3
ภาพกิจกรรมในห้องเรียน
ความรู้ที่ได้รับ
- มีการส่งงานที่ค้างสำหรับคนที่ยังไม่ส่ง
- ได้พูดถึงการเล่น ว่าการเล่นเป็นเครื่องมือทำให้เด็กเกิดการเรียนรู้
- การที่ทำของเล่นขึ้นมา แต่ละชิ้นเพื่อต้องการให้เด็กเรียนรู้เรื่องวิทยาศาสตร์
- การฝึกให้เด็กทำสิ่ง ต่างๆ เป็นการทำให้เด้กเรียนรู้การทำงานเป็นขั้นตอน ได้ปฏิบัติจริง
- เราจะต้องรู้ว่าสิ่งที่เราจะไปทำกับเด็กให้เด็กเล่นนั้น มันได้สะท้อนอะไรในความเป็นวิทยาศาสตร์
- มีการทบทวนเกี่ยวกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานว่ามีอะไรบ้าง
กิจกรรมในห้องเรียน
ให้ทุกคนในห้องแบ่งกลุ่ม ตามหน่วยที่ตัวเองได้รับ และช่วยกันทำ Mind Map ว่าเราจะสอนเรื่องอะไรในแต่ละช่วงชั้น อนุบาล 1 อนุบาล 2 และอนุบาล 3
ภาพกิจกรรมในห้องเรียน
บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 5
วัน อังคาร ที่ 10 เดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2555
ความรู้ที่ได้รับ
- มีการส่งงานที่ได้รับมอบหมายในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในการทำ Mindmap เกี่ยวกับการจัดทำหน่วยการสอนว่าควรมีอะไรบ้างที่เป็นเนื้อหาหรับที่จะสามารถนำมาสอบได้
- มีการนำเสนองานที่อาจารย์สั่งไว้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา 2 ชิ้นงาน
1. ของเล่นวิทยาศาสตร์ ที่เด้กสามารถเล่นเองได้ตามมุมวิทยาศาสตร์
สกรีกระโดด
2. ของเล่นวิทยาศาสตร์ที่ใช้สอนให้เด็กทำได้
แว่นขยายทำเอง
การนำเสนอหน้าชั้น
ข้อเสนอแนะของอาจารย์
1. ให้ทำนักสกีมาเพิ่ม
2. ให้ทำแผ่นรองมา เพื่อใช้รองในการเล่นนักสกี
3. ให้หามาด้วยว่าของเล่นที่นำเสนอมันเป็นวิทยาศาสตร์อย่างไร
งานที่สั่ง
ให้นำวิธีทำพร้อมรูปภาพขั้นตอนการทำมาส่ง เพื่อที่จะได้รวบรวมเป็นเล่ม
ความรู้ที่ได้รับ
- มีการส่งงานที่ได้รับมอบหมายในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในการทำ Mindmap เกี่ยวกับการจัดทำหน่วยการสอนว่าควรมีอะไรบ้างที่เป็นเนื้อหาหรับที่จะสามารถนำมาสอบได้
- มีการนำเสนองานที่อาจารย์สั่งไว้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา 2 ชิ้นงาน
1. ของเล่นวิทยาศาสตร์ ที่เด้กสามารถเล่นเองได้ตามมุมวิทยาศาสตร์
สกรีกระโดด
แว่นขยายทำเอง
การนำเสนอหน้าชั้น
ข้อเสนอแนะของอาจารย์
1. ให้ทำนักสกีมาเพิ่ม
2. ให้ทำแผ่นรองมา เพื่อใช้รองในการเล่นนักสกี
3. ให้หามาด้วยว่าของเล่นที่นำเสนอมันเป็นวิทยาศาสตร์อย่างไร
งานที่สั่ง
ให้นำวิธีทำพร้อมรูปภาพขั้นตอนการทำมาส่ง เพื่อที่จะได้รวบรวมเป็นเล่ม
วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 4
วัน อังคาร ที่ 3 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2555
ความรู้ที่ได้รับ
- ดูวีดีโอเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์แสนสนุกสำหรับเด็ก
- ฝนเกิดจากอะไร
ฝนตกเกิดจาก น้ำโดนความร้อนของแสงจากดวงอาทิตย์หรือความร้อนอื่นใดที่ใช้ในการต้มน้ำ จนทำให้ระเหยกลายเป็นไอน้ำ ลอยขึ้นไปในอากาศ เมื่อไอน้ำมากขึ้นจะรวมตัวกันเป็นละอองน้ำเล็กๆ ปริมาณของละอองน้ำยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆก็จะรวมตัวกันเป็นเมฆฝน พอมากเข้าอากาศไม่สามารถพยุงละอองน้ำเหล่านี้ต่อไปได้ น้ำก็จะหล่นลงมายังผืนโลกให้เราเรียกขานกันว่าฝนตก
- การเปลี่ยนสถานะของน้ำ
วัฏจักรของน้ำ (water cycle) หรือชื่อในทางวิทยาศาสตร์ว่า วัฏจักรของอุทกวิทยา (hydrologic cycle) หมายถึงการเปลี่ยนแปลงสถานะของน้ำระหว่าง ของเหลว ของแข็ง และ ก๊าซ ในวัฏจักรของน้ำนี้ น้ำจะมีการเปลี่ยนแปลงสถานะไปกลับ จากสถานะหนึ่งไปยังอีกสถานะหนึ่ง อย่างต่อเนื่อง ไม่มีสิ้นสุด ภายในอาณาจักรของน้ำ (hydrosphere) เช่น การเปลี่ยนแปลงระหว่าง ชั้นบรรยากาศ น้ำพื้นผิวดิน ผิวน้ำ น้ำใต้ดิน และ พืช
งานที่สั่ง
1. เมื่อได้หน่วยการเรียนรู้จากโรงเรียนอนุบาลสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม แล้วให้ทำเป็น
Mind Map ว่าเราจะสอนอะไร สิ่งที่จะต้องมีคือ ภาพ การทดลอง และยกตัวอย่าง (งานกลุ่ม)
2. ทำสื่อวิทยาศาสตร์ที่เด้กสามารถเล่นเองได้ในมุมประสบการณ์ (จับคู่ 2 คน)
- อุปกรณ์จะต้องเป็นเศษวัสดุเหลือใช้
- ถ่ายรูปเป็นขั้นตอน
3. หาวิธีการทำของเล่นวิทยาศาสตร์มา 1 อย่าง เพื่อที่จะนำมาสอนเด็ก (จับคู่ 2 คน)
ความรู้ที่ได้รับ
- ดูวีดีโอเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์แสนสนุกสำหรับเด็ก
- ฝนเกิดจากอะไร
ฝนตกเกิดจาก น้ำโดนความร้อนของแสงจากดวงอาทิตย์หรือความร้อนอื่นใดที่ใช้ในการต้มน้ำ จนทำให้ระเหยกลายเป็นไอน้ำ ลอยขึ้นไปในอากาศ เมื่อไอน้ำมากขึ้นจะรวมตัวกันเป็นละอองน้ำเล็กๆ ปริมาณของละอองน้ำยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆก็จะรวมตัวกันเป็นเมฆฝน พอมากเข้าอากาศไม่สามารถพยุงละอองน้ำเหล่านี้ต่อไปได้ น้ำก็จะหล่นลงมายังผืนโลกให้เราเรียกขานกันว่าฝนตก
- การเปลี่ยนสถานะของน้ำ
วัฏจักรของน้ำ (water cycle) หรือชื่อในทางวิทยาศาสตร์ว่า วัฏจักรของอุทกวิทยา (hydrologic cycle) หมายถึงการเปลี่ยนแปลงสถานะของน้ำระหว่าง ของเหลว ของแข็ง และ ก๊าซ ในวัฏจักรของน้ำนี้ น้ำจะมีการเปลี่ยนแปลงสถานะไปกลับ จากสถานะหนึ่งไปยังอีกสถานะหนึ่ง อย่างต่อเนื่อง ไม่มีสิ้นสุด ภายในอาณาจักรของน้ำ (hydrosphere) เช่น การเปลี่ยนแปลงระหว่าง ชั้นบรรยากาศ น้ำพื้นผิวดิน ผิวน้ำ น้ำใต้ดิน และ พืช
- การระเหย
คือกระบวนการการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร จากของเหลว กลายเป็นก๊าซ โดยมักเกิดเมื่อของเหลวนั้นๆได้รับพลังงานหรือความร้อน ได้แก่ น้ำ เปลี่ยนสถานะเป็น ไอน้ำ
- การระเหิด
คือกระบวนการการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร จากของแข็ง กลายเป็นก๊าซ โดยไม่ผ่านสถานะการเป็นของเหลว ได้แก่ น้ำแข็งแห้ง เปลี่ยนสถานะเป็น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
- การควบแน่น
คือกระบวนการการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร จากก๊าซ กลายเป็นของเหลว โดยมักเกิดเมื่อก๊าซนั้นๆ สูญเสียความร้อนหรือพลังงาน ได้แก่ ไอน้ำ เปลี่ยนแปลงสถานะเป็น น้ำ
การแข็งตัว
คือกระบวนการการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร จากของเหลว กลายเป็นของแข็ง โดยมักเกิดเมื่อของเหลวนั้นๆ สูญเสียความร้อนหรือพลังงาน ได้แก่ น้ำ เปลี่ยนแปลงสถานะเป็น น้ำแข็ง โดยของแข็งนั้น สามารถเปลี่ยนสถานะกลับเป็นของเหลวได้ โดยการได้รับพลังงานหรือความร้อน
การตกผลึก
คือกระบวนการการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร จากของเหลว กลายเป็นของแข็ง โดยมักเกิดเมื่อของเหลวนั้นๆ สูญเสียความร้อนหรือพลังงาน ได้แก่ น้ำ เปลี่ยนแปลงสถานะเป็น น้ำแข็ง แต่โดยทั่วไปแล้ว ตกผลึกนั้นนิยมใช้ กับการเปลี่ยนแปลงรูปร่างทางทางเคมี เสียมากกว่า เพราะโดยทั่วไปใช้กับสารประกอบหรือวัตถุ ที่ไม่สามารถหลอมเหลว หรือ ละลาย กลับเป็นของเหลวได้อีก
การหลอมเหลว หรือการละลาย
คือกระบวนการการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร จากของแข็ง กลายเป็นของเหลว โดยมักเกิดเมื่อของแข็งนั้นๆ ได้รับความร้อนหรือพลังงาน ได้แก่ น้ำแข็ง เปลี่ยนแปลงสถานะเป็น น้ำ
งานที่สั่ง
1. เมื่อได้หน่วยการเรียนรู้จากโรงเรียนอนุบาลสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม แล้วให้ทำเป็น
Mind Map ว่าเราจะสอนอะไร สิ่งที่จะต้องมีคือ ภาพ การทดลอง และยกตัวอย่าง (งานกลุ่ม)
2. ทำสื่อวิทยาศาสตร์ที่เด้กสามารถเล่นเองได้ในมุมประสบการณ์ (จับคู่ 2 คน)
- อุปกรณ์จะต้องเป็นเศษวัสดุเหลือใช้
- ถ่ายรูปเป็นขั้นตอน
3. หาวิธีการทำของเล่นวิทยาศาสตร์มา 1 อย่าง เพื่อที่จะนำมาสอนเด็ก (จับคู่ 2 คน)
บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 3
วัน อังคาร ที่ 26 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2555
ความรู้ที่ได้รับ
การจัดประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์ แบ่งออกได้เป็น
!
!_____วิธีการ ______จัดแบบเป็นทางการ_______รูปแบบการสอน
! ! !_______มีจุดมุ่งหมาย
! !______จัดแบบไม่เป็นทางการ________มุมวิทยาศาสตร์
! ! !________สภาพแวดล้อมที่อยู่
! !______จัดแบบตามเหตูการณ์_______ธรรมชาติ
! !_______สิ่งที่พบเห็น
!
!_____พัฒนาการทางสติปัญญา______3 ปี
! !______4 ปี
! !______5 ปี
!
!_____กระบวนการทางวิทยาศาสตร์_____กระบวนการขั้นพื้นฐาน____สังเกต พยากรณ์ คาดคะเน
! ! !___ วัด (ปริมาณ)
! ! !___จำแนกประเภท (หาเกณฑ์)
! ! !___หาความสัมพันธ์ มิติกับเวลา
! ! !___การสื่อความหมาย
! ! !___คำนวน
! !
! !____กระบวนการแบบผสม___ตั้งสมมติฐาน
! !___กำหนดเชิงปฏิบัติการ
! !___ควบคุมตัวแปร
! !___ทดลอง
!
!_____การเตรียมสื่อ______เลือก_______สภาพแวดล้อม
! !_______พัฒนาการ
! !_______วิธีการเรียนรู้
! !_______เนื้อหา
!______เตรียม
!______ใช้
!______ประเมินใช้
ลำดับขั้นพัฒนาการ
_________________
2 - 6 ปี__ 4 - 6 !__เด็กมีการปรับความรู้ใหม่ เพื่อการอยู่ลอด ภาษาเริ่มให้เหตุผลบ้าง
!___2 - 4 !__เด่นด้านภาษา แต่ยังใช้ทำโดดๆ ใช้สัญลักษณ์
________!
!
แรกเกิด - 2 ปี ! (ประสาทสัมผัสทั้ง 5) มีความสัมพันธ์กับการทำงานของสมอง
ความรู้ที่ได้รับ
การจัดประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์ แบ่งออกได้เป็น
!
!_____วิธีการ ______จัดแบบเป็นทางการ_______รูปแบบการสอน
! ! !_______มีจุดมุ่งหมาย
! !______จัดแบบไม่เป็นทางการ________มุมวิทยาศาสตร์
! ! !________สภาพแวดล้อมที่อยู่
! !______จัดแบบตามเหตูการณ์_______ธรรมชาติ
! !_______สิ่งที่พบเห็น
!
!_____พัฒนาการทางสติปัญญา______3 ปี
! !______4 ปี
! !______5 ปี
!
!_____กระบวนการทางวิทยาศาสตร์_____กระบวนการขั้นพื้นฐาน____สังเกต พยากรณ์ คาดคะเน
! ! !___ วัด (ปริมาณ)
! ! !___จำแนกประเภท (หาเกณฑ์)
! ! !___หาความสัมพันธ์ มิติกับเวลา
! ! !___การสื่อความหมาย
! ! !___คำนวน
! !
! !____กระบวนการแบบผสม___ตั้งสมมติฐาน
! !___กำหนดเชิงปฏิบัติการ
! !___ควบคุมตัวแปร
! !___ทดลอง
!
!_____การเตรียมสื่อ______เลือก_______สภาพแวดล้อม
! !_______พัฒนาการ
! !_______วิธีการเรียนรู้
! !_______เนื้อหา
!______เตรียม
!______ใช้
!______ประเมินใช้
ลำดับขั้นพัฒนาการ
_________________
2 - 6 ปี__ 4 - 6 !__เด็กมีการปรับความรู้ใหม่ เพื่อการอยู่ลอด ภาษาเริ่มให้เหตุผลบ้าง
!___2 - 4 !__เด่นด้านภาษา แต่ยังใช้ทำโดดๆ ใช้สัญลักษณ์
________!
!
แรกเกิด - 2 ปี ! (ประสาทสัมผัสทั้ง 5) มีความสัมพันธ์กับการทำงานของสมอง
วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2555
งานชิ้นที่ 1
พัฒนาการทางสติปัญญาที่เป็นวิทยาศาสตร์ ของเด็กอายุ 5 ปี มีดังนี้
1. บอกและจำแนกสีต่างๆ ได้
2. จำแนกสิ่งต่างๆ ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้ดี
3. บอกความแตกต่างของ กลิ่น สี เสียง รส รูปร่าง จำแนก และจัดหมวดหมู่สิ่งของได้
4. รู้จักใช้คำถามว่า " ทำไม " " อย่างไร "
5. สามารถสร้างผลงานตามความคิดของตนเอง โดยมีรายละเอียดเพิ่มขึ้นและแปลกใหม่
1. บอกและจำแนกสีต่างๆ ได้
2. จำแนกสิ่งต่างๆ ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้ดี
3. บอกความแตกต่างของ กลิ่น สี เสียง รส รูปร่าง จำแนก และจัดหมวดหมู่สิ่งของได้
4. รู้จักใช้คำถามว่า " ทำไม " " อย่างไร "
5. สามารถสร้างผลงานตามความคิดของตนเอง โดยมีรายละเอียดเพิ่มขึ้นและแปลกใหม่
บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 2
วัน อังคาร ที่ 19 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2555
ความรู้ที่ได้รับ
- อาจารย์ได้ตั้งคำถามให้เราตอบ คำว่า " รู้ " มีอะไรบ้าง
- เรียนรู้
- รับรู้
- ความรู้
- ผู้รู้
- รอบรู้
- ใฝ่รู้
สิ่งเหล่านี้เราจะทำอย่างไร เพื่อที่จะแยกแยะความแตกต่างได้ คือ การแยกประเภท เช่น การแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ นามกับกริยา นาม ก็คือ ความรู้ , ผู้รู้ กริยา ก็คือ เรียนรู้ , รับรู้ , รอบรู้ และใฝ่รู้ เป็นต้น
- การจัดประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย สามารถแยกความสำคัญออกเป็น
1. การจัดประสบการณ์
2. วิทยาศาสตร์
3. เด็กปฐมวัย
สามารถแยกแยะรายละเอียดได้ดังนี้
1. การจัดประสบการณ์
- หลักการจัดประสบการณ์
- ทฤษฎี
- กระบวนการจัดประสบการณ์
- เทคนิควิธีการ
- สื่อ / จัดสภาพแวดล้อมสนับสนุน
- การจัดประสบกสรณ์
- วิธีการประเมินผล
งานที่สั่ง
งานชิ้นที่ 1 ให้ไปหาพัฒนาการทางสติปัญญาที่เด่นที่สุด ที่เป็นวิทยาศาสตร์ ของเด็กอายุ 5 ปี
งานชิ้นที่ 2 ให้จับกลุ่ม 4-5 คน ดูจากสาระทางวิทยาศาสตร์เลือกมา 1 หัวเรื่อง แล้วแตกเนื้อหา 5 วันในการจัดกิจกรรม และไปหามาว่า " วันวิทยาศาสตร์ตรงกับวันที่เท่าไหร่ "
ความรู้ที่ได้รับ
- อาจารย์ได้ตั้งคำถามให้เราตอบ คำว่า " รู้ " มีอะไรบ้าง
- เรียนรู้
- รับรู้
- ความรู้
- ผู้รู้
- รอบรู้
- ใฝ่รู้
สิ่งเหล่านี้เราจะทำอย่างไร เพื่อที่จะแยกแยะความแตกต่างได้ คือ การแยกประเภท เช่น การแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ นามกับกริยา นาม ก็คือ ความรู้ , ผู้รู้ กริยา ก็คือ เรียนรู้ , รับรู้ , รอบรู้ และใฝ่รู้ เป็นต้น
- การจัดประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย สามารถแยกความสำคัญออกเป็น
1. การจัดประสบการณ์
2. วิทยาศาสตร์
3. เด็กปฐมวัย
สามารถแยกแยะรายละเอียดได้ดังนี้
1. การจัดประสบการณ์
- หลักการจัดประสบการณ์
- ทฤษฎี
- กระบวนการจัดประสบการณ์
- เทคนิควิธีการ
- สื่อ / จัดสภาพแวดล้อมสนับสนุน
- การจัดประสบกสรณ์
- วิธีการประเมินผล
2. วิทยาศาสตร์
- ทักษะทางวิทยาศาสตร์ --------> 1. ทักษะกระบวนการขั้นพื้นฐาน
------>การสังเกต
------>การจำแนกประเภท
------>การวัด
------>การสัมพันธภาพสเปส
------>การจัดกระทำหรือสื่อความหมาย
------>การลงความเห็นจากข้อมูล
---------> 2. ขั้นผสม
------>กำหนดและควบคุมตัวแปร
------>ตั้งสมมติฐาน
------>กำหนดนิยาม
------>ทดลอง
------>สรุป
------>การสังเกต
------>การจำแนกประเภท
------>การวัด
------>การสัมพันธภาพสเปส
------>การจัดกระทำหรือสื่อความหมาย
------>การลงความเห็นจากข้อมูล
---------> 2. ขั้นผสม
------>กำหนดและควบคุมตัวแปร
------>ตั้งสมมติฐาน
------>กำหนดนิยาม
------>ทดลอง
------>สรุป
- สาระทางวิทยาศาสตร์ --------> 1. เรื่องราวเกี่ยวกับตัวเด็ก
2. เรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลและสถานที่แวดล้อมเด็ก
3. เรื่องราวเกี่ยวกับธรรมชาติรอบตัว
4. เรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ รอบตัวเด็ก
3. เด็กปฐมวัย
- พัฒนาการ ----------> 1. สติปัญญา
-----> ความคิด (คิดเชิงเหตุผล , คิดเชิงความคิด
สร้างสรรค์)
สร้างสรรค์)
-----> ภาษา
-----------> 2. วิธีการเรียนรู้ของเด็ก
------> การใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 กระทำกับวัตถุ
( ตา หู จมูก ลิ้น และกาย )
งานชิ้นที่ 1 ให้ไปหาพัฒนาการทางสติปัญญาที่เด่นที่สุด ที่เป็นวิทยาศาสตร์ ของเด็กอายุ 5 ปี
งานชิ้นที่ 2 ให้จับกลุ่ม 4-5 คน ดูจากสาระทางวิทยาศาสตร์เลือกมา 1 หัวเรื่อง แล้วแตกเนื้อหา 5 วันในการจัดกิจกรรม และไปหามาว่า " วันวิทยาศาสตร์ตรงกับวันที่เท่าไหร่ "
โทรทัศน์ครูที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์
เรื่องที่ 3 การมีส่วนร่วมแบบสมบูรณ์
โดย ดร. ปัทมศิริ ธีรานุรักษ์ ราจุชัยนิวัฒน์ โรงเรียน อนุบาลธีรานุรักษ์ ประธานสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย คณะ ครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ในเรื่องนี้ ท่าน ดร. ปัทมศิริ ธีรานุรักษ์ ราจุชัยนิวัฒน์ ได้กล่าวว่า การเรียนการสอนปฐมวัยในรูปแบบการสอนองค์รวมนั้น สิ่งสำคัญนอกจากการถ่ายทอดจากคุณครูไปยังเด็กๆ แล้ว การมีส่วนร่วมและความร่วมมือของผู้ปกครองถือว่าสำคัญมาก หากโรงเรียนสามารถทำให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมอย่างสมบูรณ์ หรือที่เรียกว่า Comprehensive Approach แล้ว จะส่งเสริมพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็กให้พัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วเป็นอย่างมาก
ผู้ปกครองควรจะมีส่วนร่วม ดังต่อไปนี้
1. การมีส่วนร่วมแบบ " ทำงาน "
- อาสาสมัคร
- ผู้ช่วยครู
- วิทยากรพิเศษ
2. การมีความร่วมแบบ " กระบวนการ "
- การวางแผน
- การตัดสินใจ
3. การมีส่วนร่วมแบบ " พัฒนา "
- ด้านความรู้
- ด้านทักษะ
4. การมีส่วนร่วมแบบ " สมบูรณ์ "
- การวางแผน
- การทำงาน
- การพัฒนา
การทำกิจกรรมเที่ยวนาครูธานี
มีแนวคิดเพื่อมุ่งเน้นให้เด็กมีพัฒนาการทุกๆ ด้าน ตามวิธีของการจัดการศึกษาของเด็กปฐมวัย คือ
1. มีการวางแผนร่วมกันทั้งครูและผู้ปกครองในการจัดกิจกรรม
2. การทำกิจกรรมร่วมกันกับเด็ก โดยเป็นส่วนช่วยให้เด็กกล้าที่จะทำกิจกรรม เมื่อเด็กทำได้ควรมีการเสริมแรง เพื่อให้เด็กเกิดความมั่นใจและเกิดความภาคภูมิใจในตนเอง
3. การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้ปกครองกับครู ว่าหลังจากทำกิจกรรมนั้นเด็กมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร มีพัฒนาการที่ดีขึ้นมากน้อยแค่ไหน
หลังจากทำกิจกรรม
1. เด็กจะเกิดความมั่นใจและกล้าแสดงออกมากขึ้น
2. เด็กได้รู้จักการแบ่งหน้าที่การทำงาน
3. เด็กจะเข้าใจและยอมรับความสามารถที่แตกต่างกันในระหว่างเพื่อน
โดย ดร. ปัทมศิริ ธีรานุรักษ์ ราจุชัยนิวัฒน์ โรงเรียน อนุบาลธีรานุรักษ์ ประธานสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย คณะ ครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ในเรื่องนี้ ท่าน ดร. ปัทมศิริ ธีรานุรักษ์ ราจุชัยนิวัฒน์ ได้กล่าวว่า การเรียนการสอนปฐมวัยในรูปแบบการสอนองค์รวมนั้น สิ่งสำคัญนอกจากการถ่ายทอดจากคุณครูไปยังเด็กๆ แล้ว การมีส่วนร่วมและความร่วมมือของผู้ปกครองถือว่าสำคัญมาก หากโรงเรียนสามารถทำให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมอย่างสมบูรณ์ หรือที่เรียกว่า Comprehensive Approach แล้ว จะส่งเสริมพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็กให้พัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วเป็นอย่างมาก
ผู้ปกครองควรจะมีส่วนร่วม ดังต่อไปนี้
1. การมีส่วนร่วมแบบ " ทำงาน "
- อาสาสมัคร
- ผู้ช่วยครู
- วิทยากรพิเศษ
2. การมีความร่วมแบบ " กระบวนการ "
- การวางแผน
- การตัดสินใจ
3. การมีส่วนร่วมแบบ " พัฒนา "
- ด้านความรู้
- ด้านทักษะ
4. การมีส่วนร่วมแบบ " สมบูรณ์ "
- การวางแผน
- การทำงาน
- การพัฒนา
การทำกิจกรรมเที่ยวนาครูธานี
มีแนวคิดเพื่อมุ่งเน้นให้เด็กมีพัฒนาการทุกๆ ด้าน ตามวิธีของการจัดการศึกษาของเด็กปฐมวัย คือ
1. มีการวางแผนร่วมกันทั้งครูและผู้ปกครองในการจัดกิจกรรม
2. การทำกิจกรรมร่วมกันกับเด็ก โดยเป็นส่วนช่วยให้เด็กกล้าที่จะทำกิจกรรม เมื่อเด็กทำได้ควรมีการเสริมแรง เพื่อให้เด็กเกิดความมั่นใจและเกิดความภาคภูมิใจในตนเอง
3. การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้ปกครองกับครู ว่าหลังจากทำกิจกรรมนั้นเด็กมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร มีพัฒนาการที่ดีขึ้นมากน้อยแค่ไหน
หลังจากทำกิจกรรม
1. เด็กจะเกิดความมั่นใจและกล้าแสดงออกมากขึ้น
2. เด็กได้รู้จักการแบ่งหน้าที่การทำงาน
3. เด็กจะเข้าใจและยอมรับความสามารถที่แตกต่างกันในระหว่างเพื่อน
โทรทัศน์ครูที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์
เรื่องที่ 2 สร้างพื้นฐานการเรียนรู้จากกิจกรรม 5 ประสาทสัมพัส
โดย คุณครู เด่นดวง ธรรมทวี โรงเรียนบ้านสำโรงเกียรติ จังหวัด ศรีสะเกษ
ในเรื่องนี้ คุณครู เด่นดวง ธรรมทวี ได้กล่าวว่า เด็กปฐมวัยเป็นวัยเริ่มต้นเรียนรู้เรื่องต่างๆ ครูจึงมีหน้าที่ป้อนความรู้พื้นฐานที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เพื่อให้เด็กพร้อมที่จะเรียนในชั้นที่สูงขึ้น อย่างเรื่องของประสาทสัมผัสทั้ง 5 ( หู ตา จมูก ลิ้น และกาย ) ก็ได้นำสิ่งของใกล้ตัวของเด็กมาสอนเด็ก เป็นการสอนให้เด็กปฐมวัยได้มีความรู้เรื่องประสาทสัมผัสผ่านของจริงใกล้ตัว ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมในการเรียนขั้นสูงต่อไป อาทิเช่น
- การมอง เด็กสามารถอธิบายได้ว่าของสิ่งนั้นมีลักษณะอย่างไร นั้นคือ เราใช้ตาในการมองเห็น ซึ่งตาเป็นประสาทสัมผัสอย่างหนึ่งนั้นเอง ทำให้เด็กได้รู้เรื่องขนาด รูปทรง เล็ก-ใหญ่ หนา-บาง เมื่อเด็กรู้แล้ว ก็ควรปล่อยให้เด็กเล่นเพื่อเป็นการเรียนรู้ด้วยตนเอง ทำให้เด็กเกิดการเรียนรู้โดยการคาดคะเน
- การฟัง โดยการใช้เสียงที่ไม่เหมือนกัน ครูจะเขย่ากระบอกเสียงให้เด็กฟังก่อน โดยเริ่มจากเสียงที่ดังที่สุดไปยังเสียงที่เบาที่สุด อาจจะทำเป็น 2 ชุด แล้วให้เด็กบอกความแตกต่างและจับคู่เสียงที่ดังเท่ากัน นอกจากกระบอกเสียงแล้วยังสามารถใช้เปลือกหอยขนาดต่างๆ ได้
- การสัมผัส การใช้ผ้าปิดตาเด็กแล้วให้เด็กสัมผัสผ้าที่มีเนื้อผ้าที่แตกต่างกัน เด็กจะได้รู้ลักษณะของผ้าที่มีความหยาบ ความหนา-บาง ความลื่น ความนุ่ม เด็กสามารถบอกความแตกต่างในสิ่งที่เขาสัมผัสได้
- การดมกลิ่น การนำเอากลิ่นที่เด็กคุ้นเคยมาให้ทดลองดม เมื่อเด็กดมก็จะต้องบอกได้ว่ากลิ่นที่ดมไปคือกลิ่นอะไร แล้วให้เด้กจับคู่ เพื่อเป็นการทดสอบความเข้าใจของการดมกลิ่น
- การชิมรส โดยการนำรสเค็ม รสเปรี้ยว รสหวาน รสขม ให้เด็กได้ชิมรส แล้วดูจากหน้าตาที่แสดงออกเพื่อเป็นการให้เด็กนำประสบการณ์เดิมที่เด็กได้รับมาตอบคำถาม และให้เด็กคิดว่าเด็กๆ เคยกินอะไรที่มีรสต่างๆ นั้นบ้าง
โดย คุณครู เด่นดวง ธรรมทวี โรงเรียนบ้านสำโรงเกียรติ จังหวัด ศรีสะเกษ
ในเรื่องนี้ คุณครู เด่นดวง ธรรมทวี ได้กล่าวว่า เด็กปฐมวัยเป็นวัยเริ่มต้นเรียนรู้เรื่องต่างๆ ครูจึงมีหน้าที่ป้อนความรู้พื้นฐานที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เพื่อให้เด็กพร้อมที่จะเรียนในชั้นที่สูงขึ้น อย่างเรื่องของประสาทสัมผัสทั้ง 5 ( หู ตา จมูก ลิ้น และกาย ) ก็ได้นำสิ่งของใกล้ตัวของเด็กมาสอนเด็ก เป็นการสอนให้เด็กปฐมวัยได้มีความรู้เรื่องประสาทสัมผัสผ่านของจริงใกล้ตัว ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมในการเรียนขั้นสูงต่อไป อาทิเช่น
- การมอง เด็กสามารถอธิบายได้ว่าของสิ่งนั้นมีลักษณะอย่างไร นั้นคือ เราใช้ตาในการมองเห็น ซึ่งตาเป็นประสาทสัมผัสอย่างหนึ่งนั้นเอง ทำให้เด็กได้รู้เรื่องขนาด รูปทรง เล็ก-ใหญ่ หนา-บาง เมื่อเด็กรู้แล้ว ก็ควรปล่อยให้เด็กเล่นเพื่อเป็นการเรียนรู้ด้วยตนเอง ทำให้เด็กเกิดการเรียนรู้โดยการคาดคะเน
- การฟัง โดยการใช้เสียงที่ไม่เหมือนกัน ครูจะเขย่ากระบอกเสียงให้เด็กฟังก่อน โดยเริ่มจากเสียงที่ดังที่สุดไปยังเสียงที่เบาที่สุด อาจจะทำเป็น 2 ชุด แล้วให้เด็กบอกความแตกต่างและจับคู่เสียงที่ดังเท่ากัน นอกจากกระบอกเสียงแล้วยังสามารถใช้เปลือกหอยขนาดต่างๆ ได้
- การสัมผัส การใช้ผ้าปิดตาเด็กแล้วให้เด็กสัมผัสผ้าที่มีเนื้อผ้าที่แตกต่างกัน เด็กจะได้รู้ลักษณะของผ้าที่มีความหยาบ ความหนา-บาง ความลื่น ความนุ่ม เด็กสามารถบอกความแตกต่างในสิ่งที่เขาสัมผัสได้
- การดมกลิ่น การนำเอากลิ่นที่เด็กคุ้นเคยมาให้ทดลองดม เมื่อเด็กดมก็จะต้องบอกได้ว่ากลิ่นที่ดมไปคือกลิ่นอะไร แล้วให้เด้กจับคู่ เพื่อเป็นการทดสอบความเข้าใจของการดมกลิ่น
- การชิมรส โดยการนำรสเค็ม รสเปรี้ยว รสหวาน รสขม ให้เด็กได้ชิมรส แล้วดูจากหน้าตาที่แสดงออกเพื่อเป็นการให้เด็กนำประสบการณ์เดิมที่เด็กได้รับมาตอบคำถาม และให้เด็กคิดว่าเด็กๆ เคยกินอะไรที่มีรสต่างๆ นั้นบ้าง
โทรทัศน์ครูที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์
เรื่องที่ 1 เรียนรู้เชิงประสบการณ์ เสริมสร้างทักษะชีวิต
โดย ดร. ชบา พันธุ์ศักดิ์ โรงเรียนวัดพระธาตุ จังหวัดสุพรรณบุรี
ในเรื่องนี้ ดร. ชบา พันธุ์ศักดิ์ ท่านได้กล่าวว่า ชั้นเรียนแรกในโรงเรียนของเด็กๆ ทุกคนคือชั้นอนุบาล ครูอนุบาลจึงเป็นครูคนแรกที่ตอกเสาเข็มชีวิตให้เด็กเจริญเติบโตไปเป็นคนดี เพราะฉนั้นเราจะต้องมุ่งให้เด็กๆ เรียนรู้ทักษะการใช้ชีวิตมากกว่าการอ่านเขียนเรียนเลข สร้างหลักสูตรร่วมกับผู้ปกครอง สอนด้วยบทเรียนแห่งประสบการณ์ตามบริบทของชุมชน เช่น การใช้บ้านรองเท้าของคุณลุงคุณป้าในหมู่บ้านเป็นห้องเรียนนอกสถานที่ ทำให้เด็กๆ เรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ผ่านรองเท้าได้มากมาย
โดยการทำกิจกรรมนั้นจะทำเป็นขั้นตอน คือ
ขั้นที่ 1 เข้ากลุ่มตั้งคำถาม เป็นการนำเข้าสู่บทเรียน ครูจะตั้งคำถามว่าเด็กอยากรู้เรื่องอะไร และมีเรื่องอะไรที่เขาอยากรู้เพิ่มเติม ทำให้เด็กเกิดการสร้างความรู้ด้วยตัวเขาเอง ในการนำเข้าสู่บทเรียนครั้งนี้ได้ใช้การเล่านิทาน แล้วให้เด็กตั้งคำถามที่เด็กอยากรู้ เช่น ทำไมต้องใส่รองเท้า รองเท้ามาจากไหน เป็นต้น
ขั้นที่ 2 พวกเราตามไปดู ไปสถามที่จริงที่ทำรองเท้าในชุมชน โดยให้เด็กถามคำถามที่สงสัยกับชั่งทำรองเท้าเอง เพราะเด็กจะได้รับคำตอบที่ถูกต้องและเกิดเป็นองค์ความรู้ใหม่และได้รู้ศัพท์ใหม่ๆ ทำให้เด็กได้เรียนรู้จากของจริง
ขั้นที่ 3 ช่วยกันทบทวนข้อความรู้ เป็นการรวบรวมข้อความรู้ร่วมกันทั้งครูและเด็กที่เขาเจอมา ตั้งแต่การเดินทาง การทำกิจกรรม ปัญหาที่เกิดขึ้น อุปกรณ์การทำรองเท้า ขั้นตอนการทำรองเท้า และประโยชน์ของรองเท้า
ขั้นที่ 4 สรุปว่าหนูจะนำอะไรไปใช้ นำทักษะเชิงสังคม ในการทำงานเป็นกลุ่มช่วยกันคิดหาคำตอบร่วมกัน โดยการทำเสนอผ่านผลงาน เช่น ผลงานศิลปะและการเล่าเรื่อง
ขั้นที่ 5 ไหนลองทำดูสิ
ศูนย์การเรียนรู้ที่ 1 การดูแลรองเท้า โดยการที่ให้เด็กได้รู้จักวิธีการทำความสะอาดรองเท้าให้เขาได้ทำความสะอาดรองเท้าเอง
ศูนย์การเรียนรู้ที่ 2 การออกแบบรองเท้า โดยการให้เด็กได้ออกแบบรองเท้าเอง คุณครูจัดหาอุปกรณ์มาให้ที่หลากหลายให้เขาได้เลือกเอง
โดย ดร. ชบา พันธุ์ศักดิ์ โรงเรียนวัดพระธาตุ จังหวัดสุพรรณบุรี
ในเรื่องนี้ ดร. ชบา พันธุ์ศักดิ์ ท่านได้กล่าวว่า ชั้นเรียนแรกในโรงเรียนของเด็กๆ ทุกคนคือชั้นอนุบาล ครูอนุบาลจึงเป็นครูคนแรกที่ตอกเสาเข็มชีวิตให้เด็กเจริญเติบโตไปเป็นคนดี เพราะฉนั้นเราจะต้องมุ่งให้เด็กๆ เรียนรู้ทักษะการใช้ชีวิตมากกว่าการอ่านเขียนเรียนเลข สร้างหลักสูตรร่วมกับผู้ปกครอง สอนด้วยบทเรียนแห่งประสบการณ์ตามบริบทของชุมชน เช่น การใช้บ้านรองเท้าของคุณลุงคุณป้าในหมู่บ้านเป็นห้องเรียนนอกสถานที่ ทำให้เด็กๆ เรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ผ่านรองเท้าได้มากมาย
โดยการทำกิจกรรมนั้นจะทำเป็นขั้นตอน คือ
ขั้นที่ 1 เข้ากลุ่มตั้งคำถาม เป็นการนำเข้าสู่บทเรียน ครูจะตั้งคำถามว่าเด็กอยากรู้เรื่องอะไร และมีเรื่องอะไรที่เขาอยากรู้เพิ่มเติม ทำให้เด็กเกิดการสร้างความรู้ด้วยตัวเขาเอง ในการนำเข้าสู่บทเรียนครั้งนี้ได้ใช้การเล่านิทาน แล้วให้เด็กตั้งคำถามที่เด็กอยากรู้ เช่น ทำไมต้องใส่รองเท้า รองเท้ามาจากไหน เป็นต้น
ขั้นที่ 2 พวกเราตามไปดู ไปสถามที่จริงที่ทำรองเท้าในชุมชน โดยให้เด็กถามคำถามที่สงสัยกับชั่งทำรองเท้าเอง เพราะเด็กจะได้รับคำตอบที่ถูกต้องและเกิดเป็นองค์ความรู้ใหม่และได้รู้ศัพท์ใหม่ๆ ทำให้เด็กได้เรียนรู้จากของจริง
ขั้นที่ 3 ช่วยกันทบทวนข้อความรู้ เป็นการรวบรวมข้อความรู้ร่วมกันทั้งครูและเด็กที่เขาเจอมา ตั้งแต่การเดินทาง การทำกิจกรรม ปัญหาที่เกิดขึ้น อุปกรณ์การทำรองเท้า ขั้นตอนการทำรองเท้า และประโยชน์ของรองเท้า
ขั้นที่ 4 สรุปว่าหนูจะนำอะไรไปใช้ นำทักษะเชิงสังคม ในการทำงานเป็นกลุ่มช่วยกันคิดหาคำตอบร่วมกัน โดยการทำเสนอผ่านผลงาน เช่น ผลงานศิลปะและการเล่าเรื่อง
ขั้นที่ 5 ไหนลองทำดูสิ
ศูนย์การเรียนรู้ที่ 1 การดูแลรองเท้า โดยการที่ให้เด็กได้รู้จักวิธีการทำความสะอาดรองเท้าให้เขาได้ทำความสะอาดรองเท้าเอง
ศูนย์การเรียนรู้ที่ 2 การออกแบบรองเท้า โดยการให้เด็กได้ออกแบบรองเท้าเอง คุณครูจัดหาอุปกรณ์มาให้ที่หลากหลายให้เขาได้เลือกเอง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)